บีมิราเคิล ทำลายต้นตอของโรค
B-Miracle สามารถ ทำลายต้นตอของเชื้อโรค 1. กลุ่มไวรัส 2. กลุ่มแบคทีเรีย 3. กลุ่มเชื้อรา ทั้ง 3 กลุ่มมีสายพันธุ์ย่อยมากมาย เป็นสิ่งมีชีวิต จึงต้องกิน อาหาร อาหารคือมนุษย์ สัตว์ และพืช เราป่วยเพราะถูกเชื้อโรค กลุ่ม ใดกลุ่มหนึ่งหรือทั้ง 3 กลุ่ม กินเรา เราอยากหายป่วยเราต้องทำลายเชื้อโรคเหล่านี้ ให้หมดไปโดยให้หมอรักษาหรือรับประทานยา แต่ปัจจุบัน นี้ยาที่มีอยู่ในโรงพยาบาล ร้ายขายยาและในโลก ส่วนใหญ่เป็นยาที่รักษาโรคที่เกี่ยวกับแบคทีเรีย เมื่อเราป่วยเป็นโรคกลุ่มไวรัส เช่น เอดส์ มะเร็ง ภูมิแพ้ สะเก็ดเงิน โรคไต หรือเก๊าท์ หมอไม่สามารถรักษาได้ เพราะยาที่ทำลายเชื้อ ไวรัสเหล่านี้ยังไม่มี เป็นที่น่ายินดีที่ B-Miracle สามารถ ทำลายเชื้อโรคได้ทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มไวรัส กลุ่มแบคทีเรียและกลุ่มเชื้อราต่อแต่นี้ไปผู้ป่วยที่มีบุญได้รับ ประทาน B-Miracle ก็จะหาย ป่วย 8 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำลายเชื้อโรค ได้ทั้ง 3 กลุ่มจริง ทำให้ผู้ป่วยหายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ B-Miracle เป็น ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ จดทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบบ แคปซูล B-Miracle ทำลาย ไขมัน ไขมันที่ ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคความดัน โรคเส้นเลือดในสมอง ตีบ คลอเรสเตอรอล ไตกีเซ อราย สิว เกิด จากไวรัสชนิดหนึ่งที่กินไขมัน เมื่อกินที่ไหนก็ถ่าย กองไว้ที่นั่นเช่น กินที่หลอดเลือดหัวใจเป็นเวลานาน ไขมันที่ถ่าย ไว้ก็จะอุดตัน กลายเป็นโรคหัวใจ ต้อง ทำบายพาส, กินส่วนต่างๆของร่างกาย ไขมัน ไปอุดตันก็จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต กิน ที่หลอดเลือดทั่วไป ก็จะกลายเป็น คลอ เรสเตอรอล, เลือดเดินไม่สะดวก ก็ จะเกิดความดันโลหิตสูง , ถ้ากินที่หน้าเราเรียกว่า สิว เป็นต้น B-Miracle สามารถ ทำลายไวรัสชนิดนี้ได้ โดยรับประทานวันละ 4 ครั้ง หลัง อาหารและก่อนนอน ครั้งละ 2 ช้อนกาแฟ ถ้า แคปซูล ครั้งละอย่างน้อย 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช่นเดียวกัน เมื่อไวรัสชนิดนี้ถูกทำลาย ไขมันที่ถ่ายกองไว้ก็จะหลุดไป เลือด ก็จะเดินสะดวก โรคที่กล่าวข้างต้นก็จะหายไป รายงานประสบการณ์ที่ได้รับจากการให้การบำบัดและฟื้นฟูร่าง กายและจิตใจ มะเร็ง สามารถ ที่กระทำการบำบัดได้ทุกส่วนที่เป็นของร่างกายและทุกชั้นของมะเร็ง และถึงแม้ว่ามะเร็งได้มีการกระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง แล้วก็ตามและกระจายไปทั่วร่างก็ไม่มีปัญหาในการบำบัด ปัญหา ที่สำคัญอยู่ที่มะเร็งได้ทำลายอวัยวะภายในที่สำคัญเช่น ปอด ตับอ่อน ม้าม ฯลฯ ไปหมดแล้วหรือยังซึ่งถ้ามะเร็งได้ทำลายอวัยวะภายในที่ สำคัญเสียหายเกินแก้แล้ว แน่นอนไม่สามารถที่จะรักษา ชีวิตของผู้ป่วยได้ แต่การบำบัดของเราจะสามารถช่วย ให้ผู้ป่วยพ้นทุกข์ในเรื่องของความเจ็บปวดได้ และ เลื่อนการเสียชีวิตออกไปได้อีกบ้าง ผลการรักษาที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่เป็น มะเร็งเข้ามาขอรับการบำบัดมากไปหาน้อยดังนี้ มะเร็งลำ ไส้ และกระเพาะอาหาร มะเร็ง ปากมดลูก มะเร็งในปาก มะเร็ง ปอด มะเร็งเม็ดเลือด (ลูคี เมียร์) ส่วนผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งนอกเหนือจากที่ กล่าวมีน้อย อาการของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมีดังนี้ 1. มะเร็งลำไส้, กระเพาะอาหาร อาการที่เด่นชัด คือ ปวดท้อง ท้องอืด เบื่ออาหาร ท้องผูก ในบางรายไม่สามารถรับประทานอาหารได้แม้แต่น้ำถ้าดื่มมาก ก็จะอาเจียนออกหมด จากผู้ป่วยที่เข้ามารับการบำบัด จะมีอาการท้องอืดมากเกือบตลอดเวลา และปวดท้อง ในบางรายไม่ได้ถ่ายมาเป็นเดือน จะ มีความทรมานมาก 2. มะเร็งในปาก มดลูก จะมีอาการปวดท้องน้อย เวลา ปวดเดินแทบไม่ได้ จะต้องเอามือกดท้องน้อยไว้ตลอด เวลาที่เดิน ถ้ากระเทือนจะปวดมาก ที่พบเป็นมากที่ สุดคือมีก้อนเนื้อใหญ่มาก เกือบเท่ากำปั้นแล้วไปกด เส้นเลือดทำให้ขาบวมจน จนเดินแทบ ไม่ได้ 3. มะเร็งในปาก ที่พบมีทั้งที่เป็นแผลเรื้อรังในปาก บาง คนเกิดจากการถอนฟันไม่หมดมีเศษฟันค้างอยู่แล้วเกิดอาการอักเสบแล้วทิ้งไว้ นานจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด บางคนเกิดจากมะเร็งที่ ลามจากปอด หรือลำไส้ พวกนี้ จะทรมานที่สุดเพราะปวด จนไม่ สามารถทานอาหารได้ต้องให้อาหารทางสายยาง 4. มะเร็งปอด มีอาการปวดและไอมาก ถ้าเป็นมาก จะเหนื่อยง่ายและหอบ หายใจติดขัดไม่สะดวกถ้าปล่อย ทิ้งไว้นานปอดจะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว 5. มะเร็ง เม็ดเลือดขาว (ลูคีเมียร์) จะ ปวดตามเนื้อตามตัว บางคนปวดในข้อ ร่าง กายจะผอมน้ำหนักลดมาก ร่างกายจะไม่เข็งแรง แนวทางการบำบัด ผู้ที่ เป็นมะเร็งทุกรายไม่ว่าจะเป็นในขั้นที่เท่าใด และ เป็นที่ตรงจุดไหน หรือเป็นพร้อมกันทั้งร่างกาย จะมีแนวทางการบำบัดหลักที่เหมือนกันคือ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ครั้ง ละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 แคปซูล ในการทางอาหารเสริมแนะนำให้ละลายอาหารเสริมกับนมสด (นมชนิดอะไรก็ได้ที่ชอบ) ครั้ง ละอย่างน้อย 1 แก้ว หลังอาหารอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) ส่วนมื้ออื่นให้ละลายกับน้ำดื่มอย่างน้อยครั้งละ 1 แก้ว แนะนำให้พยายามดื่มน้ำให้ มาก ๆ ในระยะเวลาการบำบัดถ้าผู้ป่วยสามารถทานไข่ลวกได้แนะนำให้ทานไข่ลวกวันละ 1 ฟอง ใน ช่วง 2 อาทิตย์แรก ตามปกติจะใช้ระยะเวลาในการบำบัดประมาณ 2 เดือน จะหายเป็นปกติ นอกจากการทานอาหารเสริมตามที่ได้ กล่าวมาแล้วในขั้นต้น ขอแนะนำให้ทำการบำบัดเสริม ตามอาการที่เป็นมะเร็งดังนี้ 1. มะเร็งลำไส้ , กระเพาะอาหาร, แนะนำให้ผู้ป่วย อมอาหารเสริม และให้ใช้อาหารเสริม 1-2 แคปซูล หรือ 1-2 ช้อนชาผสมกับนม 1 แก้ว ให้ผู้ป่วยค่อย ๆ จิบ ไปเรื่อย ๆ จากผลของการบำบัดอาการท้องอืดจะดีขึ้น มากหลังจากได้ทานอาหารเสริมในครั้งแรก ในบางรายที่ มีการตอบสนองดี หลังจากทานอาหารเสริมแล้วภายในไม่ ถึง 1 ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถทานอาหารได้เลย ใน กรณีที่ผู้ป่วยเป็นมากคือไม่สามารถทานอาหารได้และมีอาการท้องอืดอย่างมาก แสดงว่าต้องเกิดแผลในลำไส้หรือกระเพาะอาหาร ถ้าเป็น แบบนี้ถือว่าหนักมาก แนะนำให้ผู้ป่วยอมและจิบอาหาร เสริมที่ละลายในนม โดยจิบทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อให้ยาเข้าไปทำลายเชื้อโรค และทำการสมานแผล ปกติจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน ผู้ป่วยจะ สามารถทานอาหารได้ ส่วนอาการท้องอืดจะหายไปภายใน 1 วัน และ จะสามารถถ่ายได้เองภายใน 1 – 2 วัน (หมายเหตุ ใน การทานอาหารเสริมในครั้งแรกอาจมีผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเจ็บปวดตรงจุดที่ เป็นแผลก็ได้ไม่ต้องตกใจ อาจจะมีอาการปวดในครั้งต่อ ไปที่ทานอาหารเสริม แต่อาการปวดจะลดน้อยลง 2. มะเร็งปากมดลูก แนะ นำให้ผู้ป่วยนั่งแช่น้ำที่ใส่อาหารเสริม 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 – 2 ครั้ง ๆ ละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ในการนั่ง แช่ในครั้งแรกปกติผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่มดลูก เพราะ ตัวยาจะเข้าไปรัดในส่วนที่เป็นเนื้อร้าย แต่อาการ ปวดมากหรือน้อยในแต่ละรายจะไม่เท่ากัน แต่ในการนั่ง แช่ครั้งต่อๆ ไปอาจจะมีอาการปวดอีกบ้างแต่จะลดน้อย ลง ถ้ามีอาการปวดไม่น่าจะเกิน 3 วัน เป็นอย่าง มาก หลังจากที่ผู้ป่วยได้นั่งแช่เพียงครั้งแรกผู้ ป่วยจะทราบได้ว่าดีขึ้น อาการปวดที่ท้องน้อยจะทุเลา ลงมากและสามารถเดินได้ดีขึ้นถ้าได้มีการตรวจเช็คก้อนเนื้อร้ายจะพบว่าขนาดจะ เล็กลงมากอย่างต่อเนื่อง 3.มะเร็งในปาก แนะนำให้ผู้ป่วยอมอาหารเสริมบ่อย ๆ ใน ครั้งแรกที่อมอาหารเสริมบางรายจะมีอาการเจ็บปวดมาก ตรงเป็น แผลจะต้องพยายามอดทนถ้าทนไม่ไหวให้บ้วนปากทิ้งให้เปลี่ยนมาเป็นจิบนมหรือน้ำ ที่ผสมอาหารเสริมครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ และให้กลับมาทดลองอาหาร เสริมอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมากจะสามารถอมได้เพราะอาการ ปวดจะลดน้อยลงมามากแล้ว ตามปกติที่เคยให้การบำบัดมา ผู้ป่วยจะหายปวดภายใน 1 -2 วันเป็นอย่างมาก และที่สำคัญไม่ เกิน 3 วันผู้ป่วยจะสามารถ ทาน อาหารเอง ได้ 4. มะเร็งปอด แนะนำให้ อมอาหารเสริมบ่อยๆ สลับกับให้จิบนมหรือน้ำที่ผสม อาหารเสริมในอัตรา 1 – 2 แคปซูล หรือ 1 – 2 ช้อนชาต่อนมหรือน้ำ 1 แก้ว ผู้ป่วยจะทุเลาอาการเจ็บปวด และอาการไอจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ได้รับ การบำบัดเพียง 1 วัน ตามปกติที่เคยทำการบำบัดผู้ป่วยจะหายไอและมีอาการดี ประมาณ 15-20 วัน 5.มะเร็งที่เป็นในส่วนอื่นของร่างกาย ต้องขอพิจารณาเป็นรายๆ ไป ว่าเป็นที่ตรงไหนมีอาการอย่างไรและจะให้การบำบัดเสริมแบบ ไหน แต่พอสรุปในเบื้องแรกได้ว่า ใน การรักษานอกจากจะทานอาหารเสริมวันละ 4 มื้อแล้ว ถ้าผู้ป่วยปวดที่ตรงจุด ไหนให้ใช้อาหารเสริมผสมน้ำทาตรงจุดที่ปวดจะสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดให้กับ ผู้ป่วยได้ 6. มะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลู คีเมียร์) ในรายที่ผู้ป่วยเป็นมานานและมีอาการเจ็บ ปวดมากในขณะที่ทำการบำบัดมีอาการดังนี้ หลังจากที่ ได้ให้ทานอาหารเสริมครั้งแรกเพียงไม่ถึง 10 นาทีผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดเป็นอย่างมากตามกระดูกโดย เฉพาะตรงข้อมือ มีอาการ เจ็บปวดเป็นอย่างมากตามกระดูกโดยเฉพาะตรงข้อ มี อาการปวดมากจนเป็นไข้ จากการสอบถามผู้ป่วยบอกว่ารู้สึกปวดมากแต่ รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นและสามารถทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ตลอด เวลาในช่วงอาทิตย์แรกทุกครั้งที่ทานอาหารเสริมจะปวดมากทุกครั้งและเป็นไข้ ทุกครั้ง สรุปในอาทิตย์ผู้ป่วยจะเป็นไข้เกือบตลอด เวลา ในอาทิตย์ ที่ 2 อาการปวดตามข้อจะลดน้อยลงแต่ก็ มีไข้หลังจากทานอาหารเสริม สามารถทำงานได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องนอนซมเหมือนกับอาทิตย์แรก อาทิตย์ที่ 3 เมื่อทานอาหารเสริมแล้วทานยา ลดไข้ดักไว้จะไม่เป็นไข้ อาการที่เคยปวดตามข้อแทบจะ ไม่ปวดแล้ว อาทิตย์ที่ 4 ทาน อาหารเสริมไม่มีไข้แล้วอาการเจ็บปวดไม่มีอีกแล้ว รู้สึก ว่าร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิม เมื่อไปตรวจเช็คจำนวน เม็ดเลือดขาวพบว่า จำนวนเม็ดเลือดขาวเกือบเท่าปกติ สรุปข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ ได้รับการบำบัดแล้ว แนะนำให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 เวลาเหมือนเดิม ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน หลังจากนั้นขอแนะนำให้ทานอาหารเสริมวันละ 1 ครั้งก่อนนอนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อ ไม่ให้เกิดมะเร็งอีก และที่สำคัญช่วยทำให้ระบบการทำ งานของร่างกายเป็นไปอย่างสมดุลและมีประสิทธิอย่างเต็มที่ หมายเหตุ ต่อไปนี้การทาน อาหารเสริมถ้าไม่ได้ระบุขนาดให้หมายถึง ทานครั้งละ 1 -2 ช้อนชา หรือ 1 -2 แคปซูล ถ้าบอกว่า ทาน 4 ครั้ง หมายถึง หลัง อาหาร และ ก่อนนอน ทาน 2 ครั้ง หมายถึง หลัง อาหารเช้า และ ก่อนนอน 1.โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ผู้ติดเชื้อเอดส์เท่าที่พบมักจะ มีโรคแทรกซ้อนต่างๆ แต่พอจะแบ่งออกได้ เป็น 6 พวกใหญ่ๆ คือ 1. ติดเชื้อรา 2. เป็นโรคปอด (วัณโรค) 3.เป็น แผลพุพองตามร่างกาย 4. เป็นแผลในปากและทางเดินอาหาร 4. มีอาการคันตามผิวหนังและใต้ผิวหนังคล้ายคนที่แพ้อาหารหรือสารพิษ 6. จะค่อยๆ ผอมแห้งตายในที่สุด อาการของผู้ติดเชื้อฯ หลัง จากผ่านชั้นที่สามไปแล้ว จะมีอาการหรือลักษณะที่ คล้ายกัน ไม่ว่าผู้ติดเชื้อฯ จะ มีโรคแทรกซ้อนต่างกันตามที่ได้กล่าวข้างต้น ซึ่งพอ จะแจงอาการที่พบได้ดังนี้ 1. ผิวจะดำคล้ำ ที่เห็นได้ชัดคือที่ ใบหน้า 2. ผิวหนังจะซีดๆ (คล้ายผิวคนตาย) 3. มีอาการ เหนื่อยง่าย (ถ้าเป็นมากแม้นั่งเฉยๆ ก็เหนื่อย) 4. เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องผูก 5. เส้นผมขาด ชีวิตคล้ายวิก รายละเอียดของอาการพอสังเขปของผู้ติด เชื้อฯ ที่มีโรคแทรกซ้อนแบบต่างๆ มี ดังนี้ 1. ติดเชื้อรา ถ้าผู้ติดเชื้อฯ ที่มีเชื้อราเข้าแทรกซ้อน พบได้ ทั้งบนร่างกาย(ตามผิวหนัง) ที่พบบ่อยเป็นที่มือ และศีรษะ (จะทำให้ ผมร่วง) แต่ที่จะเป็นอันตรายอย่างมากจะเป็นภายใน ร่างกายโดยเฉพาะที่สมอง (จะทำให้ปวดหัวตั้งแต่น้อย ไปจนถึงขั้นปวดอย่างรุนแรง) ถ้าเชื้อราเข้าที่ตาจะ ทำให้ตาบอด และถ้าเข้าที่หูจะทำให้หูหนวก (เท่าที่ทราบจากผู้ติดเชื้อฯ ยา แผนปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อรา หมอจะให้ยาต้านไม่ ให้เชื้อราขยายตัว และที่สำคัญยาต้านเชื้อราจะมี ราคาแพง) 2. เป็นโรคปอด (วัณโรค) ผู้ติดเชื้อฯ จะมีโอกาสเป็นโรคปอดสูงมากเพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ถ้าพบผู้เป็นโรคปอดจะมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อฯ ได้เกินกว่าร้อยละ 80 โดยปกติถ้าคนที่ไม่ได้ติดเชื้อฯ จะ ใช้ระยะเวลาในการรักษาโรคปอดประมาณ 6 เดือน แต่ถ้าผู้ติดเชื้อฯ จะ ใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 2 ปี เท่าที่พบผู้ติดเชื้อฯ ถ้าเป็น โรคปอดจะมีอาการทรุดเร็วมากกว่าคนปกติทั่วไป 3. เป็นแผล พุพองตามร่างกาย หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า ออกดอก จะพบได้ทั่วทั้งตัว มีลักษณะคล้ายแผลพุพองเมื่อแผลหายจะทิ้งรอยแผลเป็นจุด หรือดวงดำๆ ที่เห็นได้ชัดเจน และ จะมีอาการเจ็บ ปวด และคัน ซึ่งจะเป็นที่รังเกียจแก่ผู้พบเห็น 4. เป็นแผลใน ปากและทางเดินอาหาร ผู้ติดเชื้อฯ ที่ มีอาการแบบนี้จะทรมานมากและอาการจะทรุดเร็ว เพราะ ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ เพราะถ้าเป็นแผลใน ปาก(คล้ายแผลร้อนใน หรือเชื้อราจับเป็นปื้นที่ลิ้น) ไม่ใช่เป็นแค่จุดสองจุด แต่ส่วน ใหญ่ที่พบจะเป็นทั้งปากแค่เพียงกลืนน้ำลายก็ปวดแล้ว ถ้า เป็นแผลในระบบทางเดินอาหารผู้ติดเชื้อฯ จะมีอาการ เบื่ออาหาร ท้องอืดและไม่ถ่ายถ้าพบผู้ติดเชื้อฯ ที่ทานอะไรเข้าไปแม้แต่น้ำก็อาเจียนออกหมดแสดงว่าระบบ ทางเดินอาหารแย่มากแล้วจึงทำให้ไม่ยอมรับอาหาร 5. มีอาการ คันตามผิวหนังหรือใต้ผิวหนังคล้ายคนแพ้อาหารหรือสารพิษ ถ้า ผู้ติดเชื้อฯ เป็นใหม่ๆ จะ ทรมานมาก (เพราะยังไม่คุ้นเคย) จะ คันจนทนไม่ไหว บางครั้งพบว่าเกาจนผิวหนังถลอกและจะ นอนไม่ค่อยหลับ เกาเท่าไรก็ไม่หายคัน 6. จะค่อยๆ ผอมแห้งและ ตายไป ผู้ติดเชื้อฯ ตามข้อ นี้จะค่อนข้างโชคดีกว่าพวกอื่น เพราะไม่มีอาการ ทรมานแบบต่างๆ เข้ามาเบียดเบียน คน ที่เป็นแบบนี้จะค่อยๆ ผอมแห้งเนื่องจากกินอาหารได้ น้อยลงและนอนหลับพักผ่อนได้น้อยลง แนวทางการรักษา ผู้ติด เชื้อฯ ทุกรายมีแนวทางการรักษาหลักที่เหมือนกันคือ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง คือหลังอาหารและก่อนนอน ทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 แคปซูล แนะนำให้ละลายอาหารเสริม กับนม หรือหน้ำเต้าหู้ (อย่าง น้อย วันละ 1-2 ครั้ง คือ เช้าและก่อนนอน) ส่วนมื้ออื่นให้ละลายในน้ำเย็นตาม ปกติ (ห้ามใช้น้ำร้อน) และ ให้บำรุงด้วยอาหารที่มีคุณค่างทางอาหารสูงเพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ แข็งแรงจะได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และที่ สำคัญต้องพยายามออกกำลังกายให้มากตามกำลังของตนเอง บ่อยครั้งที่พบว่าผู้ติดเชื้อฯ ถ้าเป็นขั้นท้ายๆ จะมีอาการท้อง เสียและถ่ายวันละหลายๆ ครั้ง ใน บางครั้งจะถ่ายโดยไม่รู้สึกตัว ถ้าเป็นมากจะถ่ายจน ตาค้าง หลังจากผู้ติดเชื้อฯ ได้ ทานอาหารเสริมแล้วจะหยุดถ่ายภายใน 1-2 วัน ระบบการขับถ่ายจะกลับคืนสู่ ปกติ นอกจากจะต้องทาน อาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แล้ว แนะนำให้ทำการรักษาเสริมโดยการสังเกตจาก สภาพร่างกายของผู้ติดเชื้อฯ และอาการของโรคแทรกซ้อน โดยมีรายละเอียดการรักษาเสริมและผลของการรักษาดังนี้ 1. ติดเชื้อรา จาก ผลการรักษาที่ผ่านมานับได้ว่าผู้ติดเชื้อฯ ที่มี เชื้อราเข้าแทรกจะมีปัญหามากกว่าแบบอื่นๆ กล่าวคือ ผู้ติดเชื้อฯ แบบนี้กว่าร้อยละ 85 เมื่อทานอาหารเสริมแล้วจะมีอาการปวดหัว ปวดท้อง ถ่ายท้อง (ซึ่ง อาการปวดจะแตกต่างกันในแต่ละราย) บางรายปวดท้องและ ถ่ายท้องมากจนต้องให้น้ำเกลือ ผู้ติดเชื้อฯ จะต้องพยายามทนให้ผ่านในช่วงแรกของการรักษา ปกติประมาณ 3-5 วัน แต่ที่จะปวดมากที่สุดเฉพาะในครั้งแรก ส่วน ในครั้งต่อๆ ไปอาการปวดจะลดน้อยลง (สำคัญ ที่สุดจะต้องปลอบและให้กำลังใจแก่คนไข้ให้ดี) ถ้ามีเชื้อราเป็นที่ภายนอกร่างกายให้ ใช้อาหารเสริมผสมน้ำนิดหน่อยทาตรงที่เป็นเชื้อรา (ปกติ ใช้เวลาประมาณ 3-5 วันเชื้อ ราจะหายไป) ถ้าเชื้อราขึ้นในปาก ให้หมั่นอมอาหารเสริมบ่อยๆ (ปกติจะใช้เวลา ประมาณ 3-10 วัน) ผู้ป่วยจะหายปวดและสามารถทานอาหารได้ มี ผู้ป่วยบางรายเชื้อราที่เป็นฝ้าขาวที่ลิ้นจะร่อนออกมา แต่ ในบางรายอาการฝ้าขาวที่ลิ้นจะค่อยๆ หายไป โรคปอด จาก ผู้ป่วยที่เข้ามาขอรับการบำบัดมักจะมีอาการหนักมากกล่าวคือจะมีอาการไอมาก ในบางรายไม่สามารถนอนตามปกติได้ต้องนั่งหลับ แนะนำให้หมั่นอมอาหารเสริมบ่อยๆ หรือ เมื่อมีอาการไอเมื่อเริ่มทานอาหารเสริมและอมยาอาการไอจะลดน้อยลงอย่างรวด เร็ว ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ผู้ติดเชื้อฯ จะหยุดไอ เป็นแผลพุพองตามร่างกาย ถ้าผู้ติดเชื้อฯ มีอ่างอาบน้ำแนะ นำให้นอนแช่น้ำที่ใส่อาหารเสริม 4-5 ช้อนชา นอนแช่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่สะดวกให้ใช้อาหารเสริมทาตามร่างกายเหมือนกับทาแป้ง หรือจะผสมน้ำทาก็ได้ จากผลที่เคยรักษาผู้ติดเชื้อฯ ที่เป็นแบบนี้จะมีอาการปวดตรงบริเวณที่เป็นแผลพุพองเกิน กว่าร้อยละ 90 โดยเฉพาะ อย่างยิ่งถ้าในขณะนั้นกำลังเป็นแผลพุพองจะมีอาการปวดมากกว่าที่แผลแห้งแล้ว อาการปวดคล้ายกับถูกบีบรัดตรงบริเวณรอบๆ ที่เป็นแผล จึงทำให้ปวดทั้งตัว อาการปวดจะไม่เท่ากันทุกคน ดัง นั้นผู้ติดเชื้อจะต้องพยายามทนปวดในครั้งแรกๆ ที่ นอนแช่น้ำหรือทาอาหารเสริม พอในครั้งต่อๆ ไปอาการปวดจะลดน้อยลงเป็นอย่างมาก หาก ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีอาการปวดจนทนไม่ไหว ถ้าเป็น การนอนแช่น้ำก็ให้ขึ้นจากน้ำและอาบน้ำธรรมดาเลย หรือ ในกรณีที่ทาอาหารเสริมก็ให้อาบน้ำล้างออก ถ้าเป็น ในกรณีที่มีอาการปวดมากๆ แนะนำให้ทานอาหารเสริมล่วง หน้าเข้าไปก่อนแล้วค่อยๆ ทาอาหารเสริมไปตามแขน ขาทีละข้างจากนั้นค่อยมาทาที่ตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป (ปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน ในกรณีที่กำลังเป็นแผลพุพอง แผลพุพองจะแห้งและตกสะเก็ดหลุดเอง ปกติ ร่องรอยของแผลพุพองที่สะเก็ดหลุดแล้วจะไม่เป็นรอยแผลเป็น ส่วน ถ้าเป็นรอยหรือจุดดำเนื่องจากแผลพุพองได้หายแล้วแต่ทิ้งรอยดำเอาไว้ เมื่อได้รับการรักษาตามที่กล่าวมาดังข้างต้นจุดด่างดำจะ ค่อยๆ จางลง ประมาณ 45 วัน จุด ด่างดำจะมองแทบไม่เห็น ในบางรายที่มีรอยด่างดำเป็น มาไม่นานภายในเวลา 45 วันจะ มองไม่เห็นจุดด่างดำ เป็นแผลในปากและทางเดินอาหาร เคยพบผู้ติดเชื้อฯ ทั้งที่เป็น แผลแบบแผลร้อนในทั้งปากและลิ้นและแบบที่เป็นเชื้อราทั้งลิ้นและคอ แนะนำให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ ตลอด ทั้งวัน ในการเริ่มอมอาหารเสริมใหม่ๆ จะมีอาการปวดที่แผลและลิ้นที่เป็นฝ้าเชื้อรามาก และ อาการปวดจะทุเลาลงตามลำดับ (ปกติแผลในปากหรือเชื้อ ราจะหายภายใน 3-5 วัน) ปกติผู้ติดเชื้อฯ จะเริ่มทาน อาหารได้ตั้งแต่วันที่ 2 เป็น ต้นไป ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อฯ เป็น แผลในระบบทางเดินอาหาร (เราจะทราบเพราะผู้ติดเชื้อฯ จะมีอาการท้องอืด ปวดท้องและ ท้องผูก) แนะนำให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ สลับกับจิบนมที่ผสมอาหารเสริม 1-2 ช้อนชาต่อนม 1 แก้ว บ่อยๆ เพื่อให้ ตัวยาจากอาหารเสริมลงไปฆ่าเชื้อโรคและรักษาแผลที่เกิดภายในระบบทางเดินอาหาร ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ (ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน) เมื่อ ทุกอย่างดีขึ้น ผู้ติดเชื้อฯ จะ ทราบได้เอง เพราะท้องหายอืดอยากรับประทานอาหาร อาการคันตาม ผิวหนัง เป็นอาการคันใต้ผิวหนัง เกา ตรงที่คันเท่าใดก็ไม่หายคัน แนะนำให้ใช้อาหารเสริม ทาตรงจุดที่คันแบบทาแป้งหรือผสมน้ำทาก็ได้ จากการ ที่เคยทำการรักษามาแล้วเมื่อใช้อาหารเสริมทาจะหายคันภายในไม่กี่นาที เมื่อได้ทานอาหารเสริมต่อเนื่องอาการคันตามผิวหนังจะหาย ไป (ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน) ในระหว่างการบำบัดในบางราย เมื่อถูกยุงกัดจะมีอาการคันให้ใช้อาหารเสริมทาตรงจุดที่ถูกยุงกัด อาการคันก็จะหายไป สรุป ผลจากการ บำบัดผู้ติดเชื้อฯ ทั้งหมดที่ผ่านมาพอที่จะสรุปผล ได้ดังนี้ 1.ถ้าผู้ติด เชื้อฯ อยู่ในระยะขั้นที่ 1 จะใช้ระยะเวลาในการบำบัดประมาณ 15 วัน เมื่อให้ไปตรวจเลือดไม่พบ เชื้อเอดส์ 2.ถ้าผู้ติดเชื้อฯ อยู่ในขั้นที่ 2 จะ ใช้ระยะเวลาบำบัดประมาณ 30 วัน เมื่อไปให้ตรวจเลือด ไม่พบเชื้อ เอดส์ หมายเหตุ สำหรับผู้ติดเชื้อฯ ในขั้นที่ 1 และ 2 แนะนำให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 เวลา เหมือนเดิมต่อไปอีก 3 เดือน และควรไปตรวจเลือดทุก 3 เดือน ติดต่อ กันอย่างน้อย 1 ถึง 2 ปี เพื่อ ให้มั่นใจที่สุด 4.ถ้าผู้ติดเชื้อฯ อยู่ในขั้นที่ 3 และ 4 ไม่ว่าจะเป็นหนักแค่ไหน หรือมีโรคแทรกอะไรก็ตาม สภาพร่าง กายจะทรุดโทรมเพียงใด เท่าที่ผ่านมาใช้ระยะเวลาใน การบำบัดไม่เกิน 45 วัน ผู้ติดเชื้อฯ จะกลับมามีสุขภาพ และร่างกายเหมือนปกติ และจะมี น้ำหนักใกล้เคียงกับน้ำหนักตัวก่อนที่เป็นเอดส์ แต่ เมื่อให้ไปตรวจเลือดผลออกมายังพบเชื้อเอดส์อยู่ยังไม่หายขาด ดังนั้นผู้ติดเชื้อฯ ยังคงต้องทานอาหาร เสริมวันละ 4 ครั้งต่อ ออกไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นสามารถที่จะลดอาหารเสริมเหลือวันละ 2 ครั้ง (เช้า และก่อนนอน) เพื่อควบคุมเชื้อเอดส์ไม่ให้แสดงอาการ รายละเอียดผลการบำบัดตามระยะเวลาที่ทำการบำบัด มีดังนี้ อาทิตย์ที่ 1 นับจากที่ทานอาหารเสริมและการรักษาเสริมเพียง 1-2 วัน ผู้ ป่วยจะทราบว่าตัวเองดีขึ้น (รู้สึกว่าตัวเบาขึ้น) สามารถทำงานได้มากขึ้นไม่เหนื่อยง่ายเหมือนก่อนการรักษา ปลายอาทิตย์แรกน้ำหนักตัวจะเริ่มเพิ่มขึ้น ผิวคล้ำทั้งที่หน้าและตามแขนขาจะลดน้อยลง อาการเจ็บปวดต่างๆ จะหมดไปตอนปลายอาทิตย์ แรก อาทิตย์ที่ 2 อาการเหนื่อยลดน้อยลงมาก ทำงาน และออกกำลังกายได้ดีมากขึ้น คนอื่นจะเริ่มเห็นความ เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งอาการเจ็บป่วยและที่สำคัญ ผิว ดำคล้ำที่ใบหน้าและแขนขาจะจางลงไปอย่างมาก น้ำหนัก ตัวจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา อาทิตย์ที่ 3 อาการเหนื่อยแทบจะไม่พบในผู้ป่วย ผิว หนังโดยเฉพาะที่ใบหน้าจะสดใสและมีเลือดฝาด เส้นผม ที่แต่เดิมแข็งกระด้างขาดชีวิตเหมือนวิก ก็เริ่มดู ดีขึ้น อาทิตย์ที่ 4 สภาพเส้นผมกลับคืนสู่สภาวะปกติ ร่าง กายกลับคืนสู่สภาพแข็งแรงสามารถทำงานและออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ในกรณีที่ผู้ป่วยรายที่เคยเป็นแผลพุพองและมีจุดดำเมื่อ แผลหายแล้ว เมื่อมาถึงอาทิตย์ที่ 4 รอยจุดด่างดำจางลงอย่างมาก อาทิตย์ที่ 6 กลับคืนสู่สภาพปกติมองไม่ออกว่าเคยเป็นเอดส์มาก่อน ริ้วรอยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอย แผลเป็นที่เกิด จากแผล พุพอง หรืออะไรก็ตามจะหายไปแทบจะไม่ได้ทิ้งร่องรอย เอาไว้เลย น้ำหนักตัวจะเท่ากับหรือน้อยกว่าน้ำหนัก ตัวเดิมเพียงเล็กน้อย ข้อแนะนำ ให้ผู้ติดเชื้อฯ ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ผู้ติดเชื้อฯ ขั้นที่ 1 และ 2 ควร ทานอาหารเสริมต่ออีกอย่างน้อย 3 เดือน และขอให้ไปตรวจเลือดทุก 3 เดือน อย่างน้อย ที่สุด 1 ปี เพื่อป้องกันในกรณีที่เชื้อเอดส์อาจจะหลบซ่อนที่ปลายประสาท 2. ผู้ติดเชื้อฯ ขั้น ที่ 3 และ 4 เมื่อครบระยะเวลาในการบำบัด 45 วันแล้ว ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้งต่ออีกอย่างน้อย 3 เดือน หลัง จากนั้นให้ทานวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) 3. ผู้ติดเชื้อฯ ที่ผ่านการบำบัด แล้วตั้งแต่ขั้นที่ 1 – 4 ขอให้พึงระลึกถึงความรับผิดชอบต่อตัวเอง ครอบครัว และที่สำคัญต่อสังคม โดยส่วนรวม ขออย่าได้ไปแพร่เชื้อ ให้กับบุคคลอื่นและอย่าไปรับเชื้อกลับเข้ามาอีก เพราะ ในครั้งต่อไปหากเชื้อที่เรารับเข้ามาใหม่หรือเชื้อที่เราแพร่ออกไปเกิดดื้อ ยาที่เราใช้รักษาในครั้งนี้ จะมีผลทำให้การรักษาใน รอบต่อไปอาจจะเป็นไปได้อย่างยากลำบากมากขึ้น ต้อง พึงระลึกให้มาก ถ้าต้อง การรักษาให้หายเร็วขึ้น ควรรับประทานอาหารเสริมตลอด เวลา โดยใส่อาหารเสริมในขวดน้ำ 1 – 2 ช้อนชา ดื่มทั้งวันจะทำให้หายเร็วขึ้น สมรรถภาพทางเพศเสื่อม สำหรับ บุคคลที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศสามารถที่จะทำการบำบัดให้กลับคืนสู่ปกติได้ทุก วัย (เคยบำบัดคนที่มีอายุมากที่สุดประมาณ 68 ปี) ไม่ ว่าจะเพิ่งเริ่มเป็นหรือเป็นมานานแล้ว ในบางรายมี ปัญหาทางเพศที่เสื่อมเป็นมากกว่า 10 ปี ก็สามารถที่จะทำการบำบัดได้ผลมาแล้ว ผลการบำบัดที่ผ่านมา มีผู้ขอเข้ารับการบำบัดทุกระดับอายุ ได้ ผลเป็นที่น่าพอใจหลังจากการบำบัดแล้วสามารถที่จะกลับมาใช้ชีวิตเกี่ยวกับทาง เพศได้อย่างปกติอีกครั้งหนึ่ง แนวทางการรักษา ให้ทาน อาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง คือหลังอาหารและก่อนนอน ครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 แคปซูล (ใช้ ระยะเวลาในการบำบัดประมาณ 10 – 15 วัน) ในช่วงของการบำบัดเน้นให้อาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายโดยเฉพาะอาหารจำพวก โปรตีนสูงทั้งหลายให้เน้นเป็นพิเศษ และให้ออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การบำบัดได้ผลเพิ่ม ขึ้นอีกอย่างมาก (ตามปกติเกือบทั้งหมดที่ทำการบำบัด แล้ว แนะนำให้ทานอาหารเสริมต่อวันละ 2 ครั้ง เช้าและ ก่อนนอน ต่ออีกอย่างน้อย 1 – 2 เดือน หลังจากนั้นให้ทานวันละ 1 ครั้งก่อนนอนเท่าที่ต้องการ ขอ แนะนำถ้าต้องการความเต็มที่ในทางเพศ เมื่อจะมี กิจกรรมทางเพศ ให้ทานอาหารที่มีโปรตีนสูงให้อิ่ม พร้อมอาหารเสริม (ละลายในน้ำ หรือ นมอย่างน้อย 1 แก้ว) ก่อนล่วงหน้าประมาณครึ่งถึง 1 ชั่วโมง หมายเหตุ: ต่อไปนี้การทานอาหารเสริมถ้าไม่ได้ระบุขนาดให้ หมายถึงทานครั้งละ 1-2 ช้อน ชา หรือ 1-2 แคปซูล ถ้าบอกว่า ทาน 4 ครั้ง หมาย ถึง หลังอาหาร และก่อนนอน ทาน 2 ครั้ง หมายถึง หลังอาหารเช้า และก่อนนอน 1.โรคไวรัสตับอักเสบ บำบัดได้หมดไม่ว่าจะเป็นชนิด A,B,C ให้ทาน อาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แนะนำให้ผสมกับนมดื่มทุกครั้งอย่างน้อย 1 แก้ว ในช่วงการ บำบัด และให้ทานอาหารที่มีคุณค่าสูงและให้นอนพัก มากๆ เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นให้ออกกำลังกายเบาๆ ปกติใช้เวลาบำบัดประมาณ 10-20 วัน 2. โรค อัมพาต-อัมพฤกษ์ ใช้ได้ผลเพราะรายที่เกิดจากการอุด ตันของไขมันในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ให้ทานอาหาร เสริมวันละ 4 ครั้ง แนะนำให้ผสมนมดื่มทุกครั้งและให้ทานไข่ลวกวันละ 1 ฟอง ใน ช่วงแรกที่ทำการบำบัด ปกติในรายที่พูดไม่ได้ หรือปากเบี้ยวหรือพูดไม่ชัด ใช้ เวลาประมาณ 5-7 วัน ปกติใช้เวลาในการบำบัดประมาณ 10-15 วัน ผู้ป่วยจะสามารถพอที่จะเดิน และช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ส่วนระยะเวลาที่จะทำให้ หายเป็นปกติยังไม่สามารถบอกได้แน่นอน แนะนำให้ผู้ ป่วยพยายามทำกายภาพบำบัดและพยายามเดินออกกำลังกายให้มาก 3. โรค หัวใจตีบเนื่องจากไขมันอุดตัน ให้ทานอาหารเสริมวัน ละ 4 ครั้ง พร้อมกับยาที่หมอแผนปัจจุบันให้ผู้ป่วยทาน เคย ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน คนไข้ที่มาขอรับการบำบัดเส้นเลือดดีขึ้นไม่อุดตันเหมือน เดิม ไม่ต้องทำบายพาส หรือ ใส่บอลลูน 4. โรคความดัน ให้ทานอาหารเสริมวัน ละ 4 ครั้ง พร้อมกับยาแผนปัจจุบันที่แพทย์จัดให้ทานควบคู่กันไป ปกติใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จะสามารถควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติได้ดีแล้วให้ หยุดยาแผนปัจจุบันให้ทานเฉพาะอาหารเสริม หลังจาก นั้นอีก 1 เดือนให้ตรวจเช็ค ระดับความดันถ้าพบว่าปกติ ให้ทานอาหารเสริมต่ออีก 2-3 เดือน 5. โรคเบา หวาน ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ให้ทานร่วมกับยาแผน ปัจจุบัน ถ้าเป็นเบาหวานในขั้นแรกใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถ้า เป็นมานานแล้วใช้เวลา 1-2 เดือน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดมาสู่ภาวะปกติให้หยุดยาแผน ปัจจุบัน ให้ทานอาหารเสริมต่อประมาณ 3 เดือน ในกรณีที่ ผู้ป่วยเป็นแผล ให้ใช้อาหารเสริมโดยตรงที่เป็นแผลจะ ทำให้แผลแห้งและหายภายในระยะเวลาสั้น 6. โรค เก๊าท์ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ให้ทานควบกับยาแผน ปัจจุบัน ปกติเมื่อทานอาหารเสริมร่วมแล้วภายใน 1 อาทิตย์อาการปวดของโรคเก๊าท์ จะทุเลาลงเป็นปกติ และเมื่อทานอาหารเสริมต่อประมาณ 1-2 เดือน โรค เก๊าท์ที่เคยบวมจะค่อยๆ ยุบลง เมื่อ เป็นปกติให้หยุดยาแผนปัจจุบัน และให้ทานอาหารเสริม ต่ออีก 2-3 เดือน 7. โรคปวดตามข้อ ไขข้ออักเสบ ไขข้อเสื่อม และปวดเมื่อย ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แนะนำให้ทานซุปงาดำวันละ 1 แก้ว หลัง อาหารเช้า หรือก่อนนอน อาการ ปวดตามข้อ หรือปวดเมื่อยจะดีขึ้นภายในอาทิตย์แรก ปกติใช้เวลาในการบำบัดประมาณ 15-30 วัน 8. โรคไต อักเสบ ผู้ป่วยที่ต้องฟอกเลือด ตัว บวม หรือถ่ายปัสสาวะขุ่น อัน เนื่องมาจากไตอักเสบ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แนะ นำให้นำอาหารเสริมผสมกับนมดื่มอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ (เช้าหรือก่อนนอน) ปกติจะทราบว่าร่างกายดีขึ้นภายในอาทิตย์แรก ปกติใช้เวลาประมาณ 1 เดือน 9. โรค กรวยไตอักเสบ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ปกติใช้ เวลาประมาณ 15-30 วัน 10. ต่อมลูก หมากอักเสบ (มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก) ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ในช่วงอาทิตย์แรก แนะนำให้ทานอาหารเสริมกับนมอย่าง น้อยวันละ 1 แก้ว หลังจากเริ่มทานอาหารเสริมเวลาปัสสาวะจะค่อยๆ ปวดน้อยลง เวลาปัสสาวะจะไม่ขัด ภายใน 1-2 วันแรก ปัสสาวะจะใสขึ้น ปกติใช้เวลา ประมาณ 15-30 วัน 11. กระเพาะ ปัสสาวะอักเสบ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แนะนำให้นั่งแช่น้ำ ที่ผสมอาหารเสริม 2-3 ช้อนชา อย่างน้อยวันละ 1 ครั้งๆ ละ อย่างน้อย 30 นาที ให้ดื่มน้ำมากๆ ปกติ อาการปวดเสียดที่ปัสสาวะไม่ออกจะทุเลาแทบเป็นปกติตั้งแต่นั่งแช่ในครั้งแรก ใช้เวลาบำบัดประมาณ 5-7 วัน 12. โรคปวด (วัณโรค) ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้งในช่วงแรกที่ทำการบำบัด แนะนำให้ดื่มนมพร้อมอาหารเสริมวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง และแนะนำให้อมอาหารเสริม บ่อยๆ ปกติอาการไอจะลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ได้ทาน อาหารเสริม ปกติใช้เวลาในการบำบัดประมาณ 10-20 วัน 13. ไอ เรื้อรัง ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้งๆ ละครึ่งช้อนชา พร้อมกับ ให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ ปกติใช้เวลาประมาณ 15 วัน 14. อาการ เจ็บคอ เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้ารู้สึกว่ามีอาการเจ็บ คอไม่ว่ามีสาเหตุมาจากเป็นหวัด หรือต่อมทอมซิ นอักเสบ ให้รีบอมอาหารเสริมทันทีจะสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้อย่างรวดเร็ว และให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้งๆ ละครึ่งช้อนชาต่ออีก อย่างน้อย 3 วัน 15. ต่อมทอมซินอักเสบเรื้อรัง ให้ทาน อาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง และให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ ยิ่ง บ่อยครั้งยิ่งดี จะสามารถ ลดอาการเจ็บคอลงได้อย่างมาก ปกติใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน 16. กล่อง เสียงอักเสบ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง แนะนำให้อม อาหารเสริมบ่อยๆ จะช่วยลดอาการอักเสบอาการเจ็บปวดจะ ลดน้อยลงมาก ผู้ป่วยจะเสียงดีขึ้นเป็นลำดับ ปกติใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน 17. โรค กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ รวมตลอดถึงผู้ที่เป็น แผลในกระเพาะและแผลในลำไส้ ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ใน ช่วงเริ่มต้นการบำบัดให้ผสมอาหารเสริมกับนมดื่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และ ให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ จากการทานอาหารเสริมตั้งแต่ ครั้งแรกอาการปวดท้องจะทุเลาลงอย่างมาก ตัวยาจะฆ่า เชื้อโรคและสมานแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ปกติใช้ เวลาประมาณ 10-15 วัน 18. ท้องผูกเรื้อรัง ผู้ที่ระบบการขับถ่ายมีปัญหา คือ มีอาการท้องผูกเป็นประจำ ให้ทาน อาหารเสริมวันละ 4 ครั้งๆ ละ ครึ่งช้อนชา จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น และถ่ายแทบ ทุกวัน แนะนำให้ทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ให้มากขึ้น และออกกำลังกายเป็นประจำ ปกติ ใช้เวลาประมาณ 15 วัน 19. ท้อง อืด หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ให้ ทานอาหารเสริมวันละ 3 ครั้ง หลังอาหารให้ผสมนมหรือน้ำแล้วดื่มมากๆ อาการท้องอืด เรื้อรังหรือมีแก๊สมากจะทุเลาลงอย่างรวดเร็ว พวกที่ เป็นเรื้อรังให้ทานอาหารเสริมติดต่อไปประมาณ 10-15 วัน อาการที่ เป็นจะหายไป ในกรณีที่มีอาการท้องอืดเป็นครั้งคราว แนะนำให้ใช้อาหารเสริม 1 ช้อน ชา ผสมน้ำดื่มมากๆ หลังจาก ที่มีอาการท้องอืด ปกติอาการท้องอืดจะหายไปภายใน 10-15 นาที 20. ปวด ท้อง ท้องเสีย อาการ ปวดท้องเนื่องจากท้องเสีย ในบางครั้งอาจมีอาการ คลื่นไส้อาเจียนสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องเสียไม่ว่าจะมาจากการทานอาหารเป็นพิษ หรือเกิดจากการรับเชื้ออหิวาตกโรค หรือเชื้อบิด ให้รีบนำอาหารเสริม 1-2 แคปซูล หรือ 1-2 ช้อน ผสมน้ำดื่มเข้าไปมากๆ จะสามารถบรรเทาอาการปวดท้องและการถ่ายท้องได้อย่างรวด เร็ว ปกติใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที (ถ้าทานอาหารเสริมเข้าไป แล้วยังถ่ายอีกให้ทานอาหารเสริมตามเข้าไปอีกได้) ใน กรณีที่ปวดท้องเนื่องมาจากลมป่วงให้ใช้อาหารเสริม 1-2 แคปซูล หรือ 1-2 ช้อนชา ผสมน้ำดื่มมากๆ ทันที ปกติอาการปวดท้องและ อาเจียนเนื่องมาจากเป็นลมป่วงจะหายช้ากว่าการปวดท้องจากการท้องเสียแบบอื่น ปกติใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที 21. ริดสีดวง ทวาร ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง ปกติเมื่อได้ทานอาหาร เสริมแม้จะครั้งแรกการขับถ่ายจะไม่ทรมาน ในกรณีที่ เป็นมาก แนะนำให้ใช้อาหารเสริมทาตรงหัวริดสีดวงที่ โผล่ยื่นออกมา หรือใช้อาหารเสริม 1-2 ช้อนชาผสมน้ำนั่งแช่ไม่น้อยกว่า 30 นาที จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี มาก และทำให้ริดสีดวงทวารหายเร็วขึ้น ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน 22. หอบหืด ให้ทานวันละ 4 ครั้ง อาการ หอบหืด จะลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว สามารถ ทำงานได้มากขึ้นอาการหอบน้อยลงและสามารถที่จะตากแดดได้มากขึ้น ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน 23. ภูมิ แพ้ (ผิวหนัง อาหาร อากาศ) ทานวันละ 4 ครั้งๆ ละ ครึ่งช้อนชา ถ้ามีอาการคันที่ผิว หนังให้ใช้อาหารเสริมทาตรงที่คันแบบทาแป้ง หรือจะ ผสมน้ำทาก็ได้ เมื่อรู้สึกว่ามีอาการแพ้มากให้รีบ ละลายอาหารเสริมกับนมหรือน้ำแล้วดื่มมากๆ ทันที อาการแพ้จะดีขึ้นทันที ถ้าแพ้ อากาศมีการจามและน้ำมูกไหลไม่ว่าเป็นตอนที่ตื่นนอน หรือ เป็นตอนไหนก็ตาม ให้ใช้แต่อาหารเสริมทาเข้าไปในจมูก ที่มีน้ำมูกไหลช่วยได้เร็วมากปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน 24. ไซนัส ทานวันละ 4 ครั้งๆ ละครึ่งช้อนชา ในกรณีที่ไซนัส อักเสบมีหนองที่โพรงจมูกจะมีอาการปวดและบวมมาก แนะ นำให้ใช้อาหารเสริมพ่นเข้าไปในโพรงจมูก (เหมือนเป่า ยานัด) จะช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมได้อย่างรวดเร็ว ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน 25. ไม เกรน นอนไม่หลับ ทานวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) ครั้งละ 1-2 ช้อน ชาหรือ 1-2 แคปซูล เท่าที่เคยรักษาคนที่เป็นไมเกรน ส่วน มากในช่วงแรกของการบำบัด ผู้ป่วยจะรู้สึกมึนๆ ศีรษะอยู่ประมาณ 2-3 วันแรก หลังจากนั้นจะเป็นปกติ อาการปวดหัวของไมเกรน จะลดน้อย ลง ปกติใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน 26. บรรเทาอาการปวดในรอบเดือน ทานวัน ละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) ครั้งละ 1-2 ช้อนชาหรือ 1-2 แคปซูล ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน จะช่วยลดอาการปวดในรอบเดือน ได้มาก ในบางรายเมื่อทานอาหารเสริมแล้ว เมื่อมีรอบเดือนมาใหม่แทบจะไม่มีอาการเตือนเลย 27. ตก ขาว ทานวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) ครั้งละ 1-2 ช้อน ชาหรือ 1-2 แคปซูล ในรายที่เป็นมาก แนะนำให้นั่งแช่น้ำที่ผสมอาหาร เสริม 2-3 ช้อนชา วันละ 1 ครั้งๆ ละอย่างน้อย 30 นาที ปกติใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน 28. โลหิตเป็นพิษ มีอยู่หลายแบบให้ ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง อาการโลหิตเป็นพิษจะค่อยๆ ดี ขึ้น ปกติใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน 29. แผล ในปาก แผลที่เกิดในปากไม่ว่าจะเกิดจากการร้อนใน แผลที่เกิดจากไวรัส หรือแผลที่ มาจากสาเหตุอื่นๆ ในปาก จะ ปวดแผลในปากทำให้ทานอาหารได้ยาก ถ้าเป็นมาหลายวัน แผลเกิดอักเสบเป็นหนองและมีกลิ่นปากให้หมั่นอมอาหารเสริมบ่อยๆ และทาอาหารเสริมตรงบริเวณที่เป็นแผล เมื่อ เริ่มอมอาหารเสริมใหม่ๆ จะปวดที่แผลมากขึ้นแต่ปวด ชั่วระยะไม่นานหลังจากนั้นอาการปวดที่แผลจะลดน้อยลง ปกติ ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน (ถ้าเป็นมากให้เพิ่มทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง จนกว่าแผล จะหายเป็นปกติ) 30. เลือด ออกตามไรฟัน ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง และให้อมอาหารเสริมบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนนอน ให้อมและทาอาหาร เสริมให้ทั่วเหงือก ปกติใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน 31. เส้น เลือดเปราะ มักจะพบได้กับคนที่มีเลือดกำเดาออกบ่อย หรือคนที่เป็นรอยจ้ำๆ ของเลือด ที่ค้างใต้ผิวหนัง ให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง เป็น เวลาประมาณ 15 วัน หลังจากนั้นทานก่อนนอนวันละครั้งต่ออีก 2-3 เดือน จะช่วยให้เส้นเลือดแข็ง แรง 32. ปวดฟัน ผู้ที่มีฟันผุเป็นรูหรือ เกิดจากเหงือกอักเสบ จะมีหนองหรือไม่ก็ตาม ให้ทาอาหารเสริมตรงที่เป็นรู หรือ ทารอบๆ เหงือก และให้อม อาหารเสริมบ่อยๆ จะสามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวด เร็ว (การปวดฟันที่เป็นรูหรือฟันผุควรไปหาหมอฟันแก้ ที่ต้นเหตุ) 33. ฝี แบบต่างๆ รวมไปถึงไฟลามทุ่ง งู สวัด แนะนำให้ใช้อาหารเสริมผสมน้ำเล็กน้อยทาตรง บริเวณที่เป็นฝี และให้ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้งๆ ละ ครึ่งช้อนชา จะช่วยให้หายปวดอย่างรวดเร็วปกติใช้ เวลาประมาณ 2-5 วัน (ในครั้งแรกที่ใช้อาหารเสริมผสมน้ำทาที่หัวฝีจะมีความ รู้สึกว่าตรงรอบๆ หัวฝีจะถูกบีบรัดแน่น บางคนถึงกับปวดแต่ปวดไม่นาน) 34. เริม ถ้าสงสัยว่าจะเป็นเริมใหม่ๆ ลักษณะ เป็นเม็ดเล็กๆ ขึ้นบริเวณปากและมีอาการปวด แนะนำให้รีบนำอาหารเสริมผสมน้ำทาตรงจุดที่เจ็บ ทาวันละหลายๆ ครั้ง และแนะนำให้อมอาหารเสริมด้วย ปกติ จะหายในวันนั้น ในกรณีที่เป็นมานานให้ทาและทานอาหาร เสริมวันละ 4 ครั้ง ควบกันไป ปกติใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ใน ระหว่างที่รอให้เริมหายจะไม่มีอาการปวด 35. บาด แผลสด เมื่อประสบอุบัติเหตุไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่ทำ ให้เกิดบาดแผล ถ้าเป็นแผลในบริเวณที่ยากแก่การล้าง แผลก็ไม่จำเป็นที่จะต้องล้างแผล ให้รีบนำอาหารเสริม มาโรยบริเวณที่เป็นแผลจะช่วยห้ามเลือดได้ทันที เรา อาจจะปวดแผลในครั้งแรกที่ใส่อาหารเสริมมากขึ้น แต่ ไม่นานหลังจากนั้นเราจะไม่ปวดที่แผล และช่วยให้แผล ไม่ติดเชื้อและเป็นหนองและแผลจะหายเร็วมาก ปกติ ประมาณ 3-5 วัน 36. ถูก น้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ ในกรณีที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟ ไหม้แล้วผิวหนังยังอยู่ แนะนำให้ใช้อาหารเสริมผสม น้ำทางตรงบริเวณที่อักเสบเบาๆ แต่ถ้าผิวหนังหลุดแนะ นำให้ใส่อาหารเสริมในน้ำแล้วใช้สำลีชุบน้ำที่ผสมอาหารเสริมทาตรงที่อักเสบ จะสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้อย่างมาก ในกรณีที่ผิวหนังยังอยู่จะไม่เกิดแผลพุพอง ส่วนแผลที่ไม่มีหนังจะช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ แผล จะแห้งและหายอย่างรวดเร็ว (แนะนำให้ใช้อาหารเสริมทา วันละหลายๆ ครั้ง ถ้าในกรณี ที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้มากๆ นอกจากทาอาหารเสริม แล้ว แนะนำให้ทานอาหารเสริมด้วยวันละ 4 ครั้งจนกว่าแผลจะหาย) 37. แผล เรื้อรัง แผลเรื้อรังส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากถูก ของร้อน เช่น น้ำร้อน ลวก ไฟไหม้ ปกติ จะรักษายาก ยิ่งถ้าผิวหนังถูกทำลายมากเท่าใดการ รักษาก็จะยิ่งยากเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผู้ป่วย จะทรมานมาก แผลจะหายช้า เกิด การอักเสบได้ง่าย ส่วนใหญ่ที่พบมักจะมีแผลอักเสบและมีหนอง ให้ ทานอาหารเสริมวันละ 4 ครั้ง และใช้น้ำที่ผสมอาหารเสริมหมั่นทาที่แผลบ่อยๆ กาทาครั้งแรกจะมีอาการปวดมากต้องทนเพราะยาจะเข้าไปทำลาย เชื้อโรคที่อาศัยที่บาดแผล แต่จะปวดเฉพาะในครั้งแรก ต่อไปแผลจะหายปวดและแผลจะแห้ง (ถ้าเป็นหนองๆ ก็จะแห้ง) และหายในเร็ววันปกติ ประมาณ 4-7 วัน 38. โรค ผิวหนัง เช่น ฮ่องกงฟุต กลาก เกลื้อน เชื้อ ราคันในร่มผ้า แนะนำให้ใช้อาหารเสริมผสมน้ำทาตรง บริเวณที่เป็นจะช่วยให้หายคัน และบรรเทาอาการเจ็บ ปวดได้ดี ปกติใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน 39. ตา แดง (ทั้งที่เป็นโรคตาแดง และ ตาแดงที่เกิดจากพืชที่มีพิษเข้าตา) ให้หาน้ำที่ สะอาดนำอาหารเสริมละลายน้ำ และนำน้ำที่อาหารเสริมตก ตะกอนมาใส่แก้วแล้วลืมตาในน้ำ จะช่วยลดอาการระคาย เคือง และปวดตาจากโรคตาแดง หรือ พืชที่มีพิษเข้าตา และตาจะหายแดงอย่างรวดเร็ว ปกติใช้เวลาประมาณ 2-5 วัน 40. อาการ คันตา (เป็นโรคคันตา) เมื่อ มีอาการคันที่ตา หรือตามเปลือกตา ให้ ใช้นิ้วแตะอาหารเสริมแล้วมาทาที่ขอบๆตา จะบรรเทา อาการคันตาได้ดีมาก และให้ใช้อาหารเสริมมาทาเปลือก ตาทุกครั้งที่คัน ปกติใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน 41. แผล เรื้อรังที่เกิดในที่แคบเช่น จมูก หรือ หู ให้ใช้อาหารเสริมใส่น้ำเล็ก น้อยแล้วใช้ Contton Bud มาจุ่มน้ำ อาหารเสริมทาตรงบริเวณที่เป็นแผล จะช่วยลดอาการเจ็บ ปวดจากการอักเสบได้มาก ปกติใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน 42. หูน้ำหนวก ให้นำอาหารเสริมมาละลายน้ำแล้วใช้ Cotton Bud มาจุ่มน้ำอาหารเสริมมาปั่นข้างที่เป็นน้ำหนวก ปกติใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน 43. แพ้สารเคมี เครื่องสำอาง หรือถูกต้นไม้ที่มีพิษ ให้นำ อาหารเสริมผสมน้ำมาทาตรงบริเวณที่แพ้จะช่วยให้อาการแพ้ที่คัน หรือปวดบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว 44. เป็น ยาอายุวัฒนะ เนื่องจากอาหารเสริมชุดนี้ ถ้าผู้ทานไม่ได้เป็นอะไร เมื่อ ทานเข้าไปแล้วจะช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกาย ช่วยทำ ให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงและเหนื่อยช้าลง สามารถ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วย ย่อยสลายไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกาย และไขมันที่อุดตันในเส้นเลือดต่างๆ สรุปถ้าจะทาน อาหารเสริมชุดนี้ให้เป็นยาอายุวัฒนะ ให้ทานวันละ 1 ครั้ง ก่อน นอน ครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 แคปซูล ทุกวัน 45. โรคสะเก็ดเงิน อาการโรคสะเก็ดเงินจะทุเลา และหายภายใน 1 เดือน 1. ให้ใช้อาหารเสริม ชนิดน้ำ ทาให้ทั่วบริเวณที่เป็น และ ใช้แบบผงทาให้ทั่วบริเวณที่เป็นเช่นกัน 2. ให้ทานอาหารเสริม 4 มื้อๆ ละ 1-2 ช้อนชาหรือ 1-2 แคปซูล หลังอาหารและก่อนนอน 3. ใส่อาหารเสริม 1-2 ช้อนชา ในขวดน้ำดื่มตลอดเวลา 4. ใส่อาหารเสริม 1-2 ช้อนชา ในอ่างน้ำลงนอนแช่ ประมาณ 30 นาที 1-2 ครั้งต่อวัน จำหน่ายเพียงกระปุกละ 750 บาทเท่านั้น